วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ของขวัญ : วัฒนธรรมของญี่ปุ่น : โอะยูริโมะโนะ

การให้ของขวัญ เป็นการแสดงความยินดี เป็นประเพณีร่วมกันของคนทุกเชื้อชาติ ทุกประเทศ สำหรับประเทศญี่ปุ่นแล้ว มีการส่งของขวัญ เพื่อเป็นการฉลองโอกาสต่าง ๆ เช่น

การฉลองการมีบุตร
งานฉลองสำหรับ 1 เด็ก ที่อายุครบ 3 ขวบ 5 ขวบ 7 ขวบ
วันเกิด
การเข้าศึกษาต่อ
การจบการศึกษา
การเข้าทำงาน
การแต่งงาน
การขึ้นบ้านใหม่
การเลื่อนตำแหน่ง
การฉลองอายุครบ 60 ปี เป็นต้น

การส่งของขวัญ ความหมายดั้งเดิมของการส่งของขวัญคือ การสื่อความรู้สึกไปสู่อีกฝ่ายหนึ่งในรูปของสิ่งของ เวลาส่งของขวัญ คนญี่ปุ่นจะให้การเอาใจใส่กับการห่อ ทั้งนี้เพราะประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว การไม่แสดง ความรู้สึกออกมา อย่างโจ่งแจ้ง ถือเป็นความงดงามทางคุณธรรมอย่างหนึ่ง คนญี่ปุ่นจึงให้ความสำคัญกับการ "ห่อหุ้มความรู้สึก" อย่างมาก คนญี่ปุ่นสมัยก่อนได้พยายามหาวิธีที่จะห่อของขวัญให้ดูสวยงาม จึงได้ให้กำเนิด "วิธีการห่อของขวัญ" ที่งดงามเกิดขึ้นมากมาย อย่างไรก็ตามวิธีการเช่นนี้ บางครั้งทำให้มีการให้ความสำคัญ กับลักษณะ ภายนอกของห่อของขวัญมากกว่าสิ่งของที่อยู่ภายใน

นอกจากนั้นการห่อที่มากเกินไป ยังก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ในด้านสิ่งแวดล้อม ห้างสรรพสินค้าหรือ ซุปเปอร์มาร์เก็ต มักห่อของขวัญ ด้วยกระดาษรีไซเคิล หรือไม่ก็ห่อแบบง่ายๆ นอกจากนั้นการใช้ ผ้าห่อของ ที่เรียกว่า ฟูโระชิกิ แบบดั้งเดิม ก็กลับมานิยมอีก ทั้งที่เวลาที่จะมอบของขวัญที่ห่อด้วยผ้าฟูโระชิกิ ให้อีกฝ่ายหนึ่ง โดยทั่วไป จะเอาผ้าออกต่อหน้า อีกฝ่ายหนึ่ง ก่อนที่จะมอบให้ ส่วนการไม่เปิดของขวัญทันทีที่ได้รับนั้น มีความเป็นมาจากประเพณี การถวายของ แก่เทพเจ้าในสมัยโบราณ โดยเริ่มแรกจะนำของขวัญนั้นถวายแด่เทพเจ้า หลังจากนั้นหัวหน้าครอบครัว จะเป็นผู้เปิด จากประเพณีนี้จึงถือเป็นมารยาทที่ไม่เปิดของขวัญทันทีที่ได้รับ แต่ปัจจุบันไม่ค่อยเคร่งครัดมากนัก

ประเพณีการให้ของขวัญในญี่ปุ่นมีลักษณะพิเศษ คือ มีการให้ของขวัญ ตามฤดูกาล กล่าวคือ

* โอะ-ชูเง็น- ในฤดูร้อน
* โอะ-เซะอิโม - ในฤดูหนาว

ซึ่งแตกต่างจากการให้ของขวัญ เพื่อแสดงความยินดีโดยเป็นการส่งของขวัญเพื่อเป็นการขอบคุณต่อ ผู้ให้ความช่วยเหลือด้วยดีเสมอมานั่นเอง

คนทั่วไปจะส่งของขวัญให้พ่อแม่ หรือนะโกโดะ คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ เป็นสื่อกลางในงานแต่งงานหรือพ่อสื่อ แม่สื่อ นั่นเอง เจ้านาย ครู แพทย์ประจำครอบครัว ในกรณีของบริษัทส่วนใหญ่ จะส่งของขวัญให้กับ บริษัทที่ติดต่อค้าขาย กันอยู่นั่นเอง

การให้ของขวัญตอบแทน - โอะ - คะเอะชิ

การให้สิ่งของเพื่อตอบแทนของขวัญที่ได้รับ นับเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับการให้ของขวัญในญี่ปุ่น และไม่ต้องกังวล ว่าอุตส่าห์ มอบของขวัญให้แล้วอีกฝ่ายหนึ่งจะไม่เข้าใจความปรารถนาดีของผู้ให้ เพราะคนญี่ปุ่นจะแสดงความขอบคุณ ต่อของขวัญที่ได้รับ โดยการมอบของขวัญตอบแทน ที่เรียกว่า โอะ-คะเอะชิ การแสดงความขอบคุณ ด้วยการส่งบัตร แสดงความขอบคุณนั้น ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี แต่การส่งของขวัญตอบแทนในทันทีจะเป็นการเสียมารยาท ถ้าเป็นกรณี แสดงความยินดี ควรส่งภายในรอบสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ได้รับของขวัญ

ส่วนกรณีการแสดงความเสียใจ

ควรส่งหลังจากประกอบพิธีที่ระลึกถึงผู้ตายเมื่อครบสี่สิบเก้าวันหรือถ้าไม่ส่งของตอบแทนก็จะ
จดบันทึกไว้ก็ได้ เมื่อถึงโอกาสที่อีกฝ่ายหนึ่ง เกิดกรณีแบบเดียวกันนี้ขึ้นจึงส่งของขวัญไปให้

สำหรับกรณีการตอบแทนการมอบเงินช่วยในงานศพ

จะไม่มีการส่งบัตรขอบคุณ ทั้งนี้เพื่อมิให้ครอบครัวของผู้ตาย รู้สึกเศร้าโศกยิ่งขึ้น และแม้แต่เงินที่ได้รับมอบในงานศพ ก็ยังมีการให้ ของขวัญตอบแทน อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้ระยะหลังๆ มักนำไปบริจาค ให้องค์การการกุศลมากขึ้น

ในกรณีของการแสดงความยินดีต่อเด็กแรกเกิดและงานฉลองอื่นๆ ภายในครอบครัว

จะให้ของขวัญตอบแทนเป็นข้าวแดง(เซะกิซัน)และน้ำตาลสีแดงและขาวเพื่อเป็นการแบ่งปัน
ความปิติยินดี ให้กับผู้ที่ส่งของขวัญมาอวยพร

ในงานเลี้ยงฉลองการแต่งงาน

แขกที่มาร่วมงานจะได้รับของขวัญตอบแทนที่เรียกว่า มิกิเดะโมะโระ ในประเทศญี่ปุ่น มีการให้ เงินสด เป็นของขวัญ ในหลายๆ กรณีการแสดง ความยินดีในโอกาสของการเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษา การจบการศึกษา การบรรลุตินิภาวะ การแต่งงาน การไปเยี่ยมไข้ และการไปเยี่ยมเยียน เมื่ออีกฝ่ายหนึ่ง ประสบความเดือดร้อน จากไฟไหม้ จะให้ของขวัญเป็นเงินสด เป็นส่วนใหญ่


ชาวญี่ปุ่นเรียกการให้ของขวัญปีใหม่ว่าโอะโทะชิตะบะส่วนโคเค็นคือการได้สิ่งของหรือเงินเพื่อแสดง
ความเสียใจในงานศพ ส่วนใหญ่จะให้ของขวัญเป็นเงินสด โดยปกติจะไม่มีการส่งของขวัญตอบแทน ในกรณีของการให้ของขวัญ เพื่อแสดงความยินดี ในโอกาสเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษา การจบการศึกษา วันเกิดและการเยี่ยมเยืยน การเจ็บป่วย หรือได้รับความเดือดร้อน จากภัยพิบัติต่างๆ แต่เป็นมารยาทที่ควรจะต้อง ส่งบัตรแสดงความขอบคุณกลับไป

บริการด้านงานอดิเรก ไลฟ์สไตล์ .. คลิกที่นี่

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดไม่ลับ เที่ยวสนุกในเกาหลี : เกาหลี ทัวร์ เกาหลี ประเทศ เกาหลี ท่องเที่ยว เกาหลี ไป เกาหลี โรงแรม เกาหลี

เที่ยว เกาหลี


สวัสดีคะ วันนี้พลอยจ๋ามีเคล็ดลับ การเตรียมตัวไปท่องเที่ยวเกาหลี อย่างไร ให้สนุกและปลอดภัย ที่สำคัญ คือ ทำอย่างไรถึงจะผ่าน ด่านตรวจคนเข้าเมือง ของเค้าได้อย่างชิลล์ๆ กิกิ

พลอยจ๋าก็ไม่ได้มีประสบการณ์อะไรบ่อยมากมายอ่ะนะคะ เพียงแต่ว่าเคยไปแดนโสม เมืองกิมจิ นี้มาแล้ว 2 ครั้ง แล้วก็ไม่เคย โดนกักตัวเลย แถมเพื่อนๆ ที่ไปก็ไม่มีใครสักคน ที่เคยถูกส่งกลับประเทศ ห้ามเข้าเกาหลีอ่ะนะคะ แต่เมื่อ 2 วันมานี้ น้องสาวของเพื่อนพลอยจ๋า ซื้อตั๋วเครื่องบินเสร็จสรรพ กะจะไปช้อปปิ้งกับเพื่อนๆ ที่อิเตวอน แต่ขอโทษๆ เธอถูกเจ้าหน้าที่ ตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลี ปฎิเสธการเข้าเมืองคะ แป๋ว...ต้องนั่งเครื่องกลับมาเมืองไทย อดเที่ยว พร้อมกับอารมณ์ฉุนเฉียว เกลียดพี่โสมไปอีกนาน กิกิ

พลอยจ๋าเลยขอเป็นไกด์นำเที่ยวเกาหลีมาบอกเคล็ดลับดีๆ ให้ทุกคนได้ศึกษาก่อน จะไปเที่ยวเกาหลีกันนะคะพี่น้อง เตรียมตัวกันไว้ก่อน จะได้ไม่มีปัญหา สามารถไปเฮฮาได้แบบสบายใจ ไม่ต้องอารมณ์เสีย กิกิ ไหนๆ ก็จะเสียเงินไปชมบ้านเมืองเค้าแล้ว เรามาดูกฎต้องห้าม สิ่งควรรู้เกี่ยวกับประเทศเค้าซะหน่อยเป็นไรค่าพี่น้อง


สิ่งที่ควรรู้ในการไปเที่ยวประเทศเกาหลี

1. เค้าใช้สกุลเงิน "วอน" โดย 1000 วอน จะประมาณ 36 - 40 บาทไทย นะค่าพี่น้อง

2. ควรแลกตังค์ที่เมืองไทยไปเลย เรทจะดีกว่าไปแลกที่สนามบิน หรือแลกในเกาหลี พลอยจ๋าใช้บริการบ่อยๆ ก็สยามเอ็กเชน ตรงข้ามสยามดิฟคัฟเวอร์รี่อ่ะค่าพี่น้อง

3. เช็คอากาศ และเสื้อผ้าให้เหมาะกับฤดูกาลด้วยนะค่าพี่น้อง ประเทศเกาหลีมี 4 ฤดู และอากาศแตกต่างกันดังนี้เจ้าคะ

ฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อุณหภูมิระหว่าง 10-25 องศาเซลเซียส
ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม อุณหภูมิระหว่าง25-35 องศาเซลเซียส
ฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน อุณหภูมิระหว่าง 5-15 องศาเซลเซียส
ฤดูหนาว ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ อุณหภูมิระหว่าง (-10) -10 องศา เซลเซียส

4. ระบบไฟฟ้าในเกาหลีส่วนใหญ่ใช้ไฟ 110 โวลต์ (แต่ในโรงแรมใหญ่ๆ บางทีมี 220 โวลต์ แบบเมืองไทยก็มีค่า) เป็นปลั๊กรูกลม หรือปลั๊ก 3 ขา เครื่องใช้ไฟฟ้า ต้องเอาอแดปเตอร์ไปด้วยนะค่าพี่น้อง

5. โทรศัพท์มือถือจากประเทศไทย ไม่สามารถใช้งานได้ในเกาหลี เพราะว่าเกาหลีใช้โทรศัพท์ระบบ CDMA ของประเทศไทย ใช้ระบบ GSM ฉะนั้นถ้าอยากเอาโทรศัพท์ ไปใช้ในเกาหลี ต้องไปขอเปลี่ยนระบบโทรศัพท์ กับเจ้าของเครือข่าย ที่เราใช้ก่อนที่จะบินไปแดนโสมนะค่าพี่น้องท่องเที่ยว เกาหลี


6. เวลาที่เกาหลีเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชม.นะค่าพี่น้อง อย่าลืมปรับนาฬิกาเมื่อถึง สนามบินอินชอน ด้วยนะค่า

7.การให้ทิปของคนเกาหลีถือว่าสำคัญมากทุกบริการเราจำเป็นจะต้องให้ทิปเค้านะค่า ไม่งั้นจะโดนเค้ามอง ด้วยสายตาดูถูก เหยียดหยาม กิกิ ว่าไม่รู้จักธรรมเนียมสากลเอาซะเลย คิดเป็น 5% ของราคาทั้งหมดที่เราใช้บริการเค้านะคะ

8. การซื้อของตามร้านค้าทั่วๆ ไป เราสามารถต่อรอง ราคาลงมาได้ประมาณ 10 - 30% ค่าพี่น้อง ควรเอาเครื่องคิดเลขเล็กๆ พกพาไปด้วย เพราะคนเกาหลีรุ่นแก่ๆ ส่วนใหญ่ จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เราก็จิ้มๆ ตัวเลขที่ต้องการจะซื้อของในเครื่องคิดเลขให้เขาไปคะ ถ้าเขาสามารถขายได้ เขาจะเอาของใส่ถุงมาให้เราเอง

9. บริการแท็กซี่ จะมี 2 แบบ คือ
แบบแรก แท็กซี่ป้ายสีฟ้า กะ แท็กซี่ป้ายสีขาว สตาร์ท มิตเตอร์ที่ 1600 วอนใน 2 กม. ช่วงเที่ยงคืน ถึงตี 4 ราคาจะแพงขึ้น 20% คนขับในแบบแรกนี้ จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้นะค่าพี่น้อง
แบบที่สอง แท็กซี่เดอลุกซ์ หรือ แท็กซี่ป้ายเหลือง สตาร์ทมิตเตอร์ที่ 4000 วอน ใน 3 กม.แรก ไม่เรียกเก็บเพิ่มในเวลากลางคืน คนขับพูดภาษาอังกฤษได้ทุกคันคะ

10. รถไฟใต้ดินในเกาหลี ราคา 700 วอน ตลอดสาย ต่อคน ค่ะ

จบแย้ววว.. มีแค่นี้คะ นอกนั้นนึกไม่ออก กิกิ ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวเกาหลีก็อย่าลืมมาอัพเดทเพิ่มเติม เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูล ให้คนหลังๆ ได้ใช้กันบ้างนะเคอะ กิกิ

สุดท้ายนี้ขอให้พี่น้องได้ไปเที่ยวเมืองโสมกันทุกคน แล้วอย่าลืมเอาหนุ่มหล่อๆ กลับมาฝากพลอยจ๋า กันบ้างนะคะ กิกิ วันนี้ลากันไปก่อน มีอะไรดีๆ แล้วจะกลับมาบอกกันอีกค่ะ ขอบคุณมากๆ และสวัสดีนะคะ

ขอนอกเรื่องนิสสนึงค่ะ ถ้าพี่น้องกำลังหา โรงแรม ที่พัก หรือแพคเกจทัวร์ดีดี พลอยจ๋าแนะนำที่นี่เลยค่ะ 88DB

ผู้ติดตาม